คนละครึ่ง เฟส 3 “ง่าย-คุ้มค่า” กว่าเดิมอย่างไร ? แนะนำหนังออนไลน์ใหม่ๆ หนังเกาหลี ไทย ฝรั่ง ดูฟรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 เป็นโครงกระตุ้นกำลังซื้อจากภาครัฐ ที่เป็นการใช้จ่ายแบบ Co-pay โดยรัฐช่วยจ่ายวันละ 150 บาท

ผ่านกระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ของแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” จะเปิดลงทะเบียนวันแรก วันที่14 มิ.ย.นี้ ตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. กำหนดคนร่วมโครงการไม่เกิน 31 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง จากรอบที่ผ่านมา ที่เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากขั้นตอนขอรับรหัส OTP ทำให้ประชาชนหลายๆคนอดรับสิทธิร่วมโครงการ แต่ว่าในรอบนี้กระทรวงการคลัง รับรองว่าจะไม่มีปัญหาในเรื่องดังกล่าว
โดย “ดร.กุลยา ตันติเตมิท” ผู้อำนวยการสศค. (สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง) กล่าวมาว่า ธนาคารกรุงไทย ได้มีการประสานงานกับบริษัทผู้ให้บริการ SMS ทั้ง 3 เครือข่าย ให้มีการเตรียมพร้อมเพื่อรองรับการส่ง SMS ในช่วงดังกล่าวที่เปิดลงทะเบียนแล้ว มีความคิดว่าจะไม่มีในปัญหาขั้นตอนของ OTP
นอกจากนั้น คนละครึ่ง เฟส 3 ยังให้โอกาสให้การลงทะเบียนรอบนี้ ผู้ที่เคยใช้แอปเป๋าตัง และใช้ g-wallet ในโครงการของเมืองแล้ว จะสามารถกดลงทะเบียนจากแอปเป๋าตังได้เลย ซึ่งจะไม่มีขั้นตอนในเรื่องของ OTP เข้ามา ส่วนการลงทะเบียนผ่านเว็บ www.คนละครึ่ง.com ก็เลยจะมีขั้นตอนขอรับรหัส OTP เพราะฉะนั้น ระบบน่าจะรองรับได้พอเพียงเพราะสำหรับเพื่อการเปิดลงทะเบียนโครงการเราชนะ ก็สามารถรองรับได้พอเพียงเช่นกัน
ดร.กุลยา กล่าวอีกว่า “คนละครึ่ง” เฟส 3 ปลดล็อกข้อจำกัดแม้ไม่ใช้สิทธิด้านใน 14 วัน จะโดนตัดสิทธิ ผู้ที่ได้รับสิทธิ “คนละครึ่ง” เฟส 3 จะใช้จ่ายผ่านโครงการเมื่อใดก็ได้ ภายหลังที่รับรองตัวตนแล้ว แต่ว่าถ้าเป็นผู้ที่สมัครใหม่ แล้วได้รับสิทธิ ก็จะต้องรับรองตัวตนสำหรับเพื่อการใช้ Gwallet ก่อน
พร้อมกันนี้ คนละครึ่ง เฟส 3 ยังวางแบบมาให้คุ้มและใช้ง่ายดายยิ่งกว่าเดิม โดยให้โอกาสให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้มีทางเลือกสำหรับเพื่อการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งได้เพิ่มสิทธิให้สามารถใช้จ่ายในส่วนของการบริการได้ด้วย ได้แก่ ร้านค้านวด สปา ทำผมทำเล็บ ค่าเดินทางโดยบริการขนส่งสาธารณะ หรือขนส่งมวลชนสาธารณะได้ แล้วก็ การลงทะเบียนคนละครึ่ง เฟส3 ไม่ได้จำกัดอาชีพ แล้วก็ผู้รับเบี้ยบำนาญก็สามารถลงทะเบียนร่วมโครงการได้
นอกจากนั้น คนละครึ่ง เฟส 3 ยังแบ่งการใช้จ่ายเป็น 2 รอบ ซึ่งรอบนี้ 3 เดือนแรก (กรกฎาคม-กันยายนนี้) เมืองจะโอนเงินเข้ากระเป๋าให้ 1,500 บาท และอีก 3 เดือนที่เหลือ (เดือนตุลาคม-เดือนธันวาคม64) ก็จะโอนให้อีก 1,500 บาท รวมเป็นเงิน 3,000 บาท โดยกระบวนการนี้จะก่อให้ผู้ที่ได้รับสิทธิมีเงินในกระเป๋าใช้จ่ายได้ตลอดช่วงครึ่งปีที่เหลือ
ดังนี้ คาดว่าโครงการดังกล่าวจะมีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 1.8 แสนล้านบาท เป็นเม็ดเงินที่มาจากรัฐบาล 9.3 หมื่นล้านบาท และเป็นเม็ดเงินที่มาจากประชาชนอีก 9.3 หมื่นล้านบาท จะสามารถช่วยเหลือพยุง ทิศทางกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชน และส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ได้ด้วย